ที่รถไฟเสียเวลา เนื่องจากสาเหตุดังนี้ครับ

ที่รถไฟเสียเวลา เนื่องจากสาเหตุดังนี้ครับ

1. รถจักรมีไม่พอเพียง ยิ่งเป็นรถดีเซลรางยิ่งไม่พอใหญ่เลย
2. รถจักรเสียกลางทาง เนื่องจากใช้งานหนักเกินไปครับ (กรณีนี้ยกตัวอย่างรถสายตะวันออกบางขบวนครับ ตัดรถจักรจากรถเร็วหรือรถด่วนที่เข้ากรุงเทพในตอนเช้าตรู่ ออกมา ไปถึงปลายทาง แล้วก็กลับมากรุงเทพ ทั้งๆที่รถเดินทางมาเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลแล้ว แล้วก็มาเสีย)
3. ทางไม่ดี ขอบอกเลย ช่วงกรุงเทพ-หัวหมาก หวังว่าแอร์พอร์ตลิงค์เสร็จคงจะมีที่ว่างพอทำทางคู่นะครับ
4. การบริหารเวลาของผู้โดยสาร อันที่จริง ขบวนรถนั้นมีประตูหลายประตูครับ ขึ้นๆไปก่อนเถอะครับ แล้วค่อยไปเดินข้างบน เพราะสังเกตุบางคนพอตู้นี้เต็ม จะเดินเลือกตู้อยู่ข้างล่าง เมื่อพนักงานรักษารถท้ายขบวนเห็นว่าผู้โดยสารยังขึ้นไม่เรียบร้อย ก็ยังไม่โบกธงเขียว ทำให้พนักงานขับรถออกรถไม่ได้
5. เวลาในตารางเดินรถ บางขบวนเห็นได้ชัดว่า ไม่สามารถทำเวลาได้ตามความเป็นจริงครับ ยกตัวอย่าง ขบวน 281/282 กรุงเทพ-กบินทร์บุรี-กรุงเทพ ออกกรุงเทพเวลา 8 โมงเช้า ไปถึงกบินทร์บุรี 11 โมงเศษๆ ไม่ต้องอะไรมากครับผม จากกรุงเทพ มาฉะเชิงเทราก็ใช้เวลาร่วมๆ 2 ชั่วโมงแล้วครับ
ตารางเดินรถแก้ไขไม่ยากครับ อย่างเช่น281 ออกจากกรุงเทพ มาถึงฉะเชิงเทราช้า 10 นาทีประจำ ก็เป
ลี่ยนตารางเดินรถใหม่ โดยเพิ่มเข้าไปอีก 10 นาที แค่นี้รถก็ไม่ช้า และทำเวลาได้ตามเวลาในตารางเดินรถ
6.ไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล รัฐบาลไม่เคยคำนึงถึงความสำคัญของการขนส่งระบบราง ซึ่งเป็นระบบขนส่งที่ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ ผมคิดว่าการรถไฟพยายามจะจัดซื้อรถจักรใหม่นะครับ แต่รัฐบาลไม่อนุมัติ

อื้ม คห. 17 รถไฟก็มียางนะครับ รถดีเซลรางน่ะไปดูได้ครับ อยู่ระหว่างแคร่(ส่วนที่ยึดเพลากับตัวรถ)กับตัวรถครับ ทำให้รถไฟวิ่งได้นิ่มนวล

และอีกอย่าง บางคนอาจจะคิดว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ที่จริง เกี่ยวข้องกันโดยตรงครับผม

ไอ้ที่ชนรถบริเวณทางตัดน่ะ ทำให้รถดีเซลรางปรับอากาศของเรา !หมด! โรงรถดีเซลรางกรุงเทพแล้วครับผม ดีเซลรางปรับอากาศแดวู ความภาคภูมิใจของการรถไฟ ซึ่งเป็นรถดีเซลรางที่วิ่งได้เร็วที่สุดของการรถไฟ(120 กม/ชม ตามพิกัดทางสูงสุดบนราง100ปอนด์/หลา ขนาดกว้าง 1 เมตร และ 160 กม.ชม ในรางมาตรฐาน 1.439 เมตร) เดี๋ยวชนรถที่ฝ่าทางตัดบ้าง เดี๋ยวสิบล้อมาชนบ้าง จะบอกว่า หมดแล้วครับ ตอนนี้มีวิ่งจริงๆก็ ขบวน 9/10 และ 11/12 กรุงเทพ-เชียงใหม่ 21/22 กรุงเทพ-อุบลฯ ส่วนสายใต้ 39/40 43/44 กรุงเทพ-สุราษฎธานี และ 41/42 กรุงเทพ-ยะลา เมื่อก่อนใช้แดวู ตอนนี้กลับไปใช้สปริ้นเตอร์แล้วครับ และเช่นเดียวกัน ขบวน 71/74 กรุงเทพ-ศร๊ษะเกศ 73/72 กรุงเทพ-ศีขรภูมิ ก็กลายเป็นรถดีเซลรางธรรมดาไปซะแล้ว ทำให้ใช้เวลาเดินทางมากขึ้นกว่าเดิม เพราะดีเซลรางธรรมดา วิ่งได้ 110 กม/ชม แต่วิ่งได้จริง อิอิ อันนี้แล้วแต่ขบวนครับผม

และก็นั่นแหละ อย่าว่าแต่ดีเซลรางปรับอากาศเลย ดีเซลรางธรรมดาก็จะหมดแล้วเหมือนกันนะครับผม

ผมนั่งค่อนข้างบ่อย แต่ก่อนนะ นี้ก็พึ่งไปนั่งกลับมา 

ขากลับบ้านเสียเวลาไป ชั่วโมงกว่าๆ นั่งจะจะบ้า 

ขากลับกรุงเทพเสียเวลาไปสามสิบนาที ทั่งๆ ที่บอกว่าต้องถึงประมาณ 6.30  เอาจริงเกือบเจ็ดโมง

อยากจะบอกว่าทำไมเค้าไม่จ้าง flight planner มาวางแผนครับเหมือนสายการบิน
ไอ้เครื่องบินที่ดูๆ มามันก็บินไม่ได้หยุดเหมือนกัน ถึงที่หมายพักประมาณ ชั่วโมงก็บินต่อแล้วไม่ได้หยุดเหมือนกัน